
Despicable Me มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด 1
รวมรีวิวภาคต้นกำเนิดของวายร้ายกรูและเหล่าสมุนมินเนี่ยนที่ตัวหลังโด่งดังจนต้องแยกมีหนังเป็นของตัวเอง สำหรับภาคแรกนี้ ต้องบอกว่าตัวมินเนี่ยนยังไม่ขโมยซีน แย่งซีนอะไรมากเหมือนกับภาคแรก ภาคแรกของมิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัดยังคงเน้นไปที่การเล่าเรื่องราว การล้อเลียนเอกลักษณ์ของหนังสายลับ ก็ออกมาในรูปแบบฮาสุดขีด มุกตลกหลายๆ ฉากอยู่ในประเภทที่ทำให้ผู้ชมวัยเด็กขำกลิ้งได้ง่ายๆ แม้แต่คนดูผู้ใหญ่เองก็ฮาได้เรื่อยๆ เพราะเนื้อเรื่องของหนังเอง มีซับพล็อตเรื่องราวแบบผู้ใหญ่ที่เข้าใจง่าย ไม่เพียงเป็นการเล่าเรื่องที่เน้นให้วัยเด็กดูได้เท่านั้น เราเองก็สนุกไปกับหนังได้กับมุกตลกที่ชวนหัว เนื้อเรื่องโดดเด่นไม่น่าเบื่อและคาแรคเตอร์ของตัวละครที่น่ารักน่าชัง
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ภาคแรกนี้สมุนตัวเหลืองมินเนี่ยน ยังไม่โดดเด่นมาก แต่ทุกครั้งที่ปรากฏก็ทำให้เราสนใจได้ตลอด มีความน่ารักและน่ากวน (แม้จะพูดฟังแทบไม่รู้เรื่อง ฮา!) ซึ่งหนังเรื่องนี้ผมว่าทีมงานสร้าง ทำได้ดีมากเรื่องการวางคาแรคเตอร์หรือออกแบบตัวละคร แต่ละตัวน่าสนใจดึงดูด ทั้งกรูที่หัวล้าน จมูกแหลม มินเนี่ยน ตัวเหลืองตาเดียว/สองตา
เป็นแอนิเมชั่นอีกเรื่องที่ดูสนุกในแบบเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูฮา ภาคแรกนี่ผมว่าเป็นหนังที่ดีมากเลย เนื้อเรื่องเล่าได้น่าติดตามไม่หละหลวมเกินไปแม้จะมาอยู่ในรูปแบบแอนิเมชั่น ความฮามีตลอด ภาพสีสันสวยงาม ซึ่งนั่นต้องยกความดีให้กับค่าย illumination entertainment ที่โดดเด่นไม่แพ้ค่ายรุ่นพี่อย่าง Pixas, Disney, BlueSky หรือ Dreamworks

Despicable Me มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด 2
ภาคนี้ยังคงความสนุก ภาพสวย เพลงดี อย่างเพลงที่โคตรดังไปเลยอย่าง Happy ก็ในเรื่องนี้นี่แหละ แล้วเรารู้สึกว่าองค์ประกอบหลายๆอย่างในเรื่องดีกว่าภาคแรกด้วย ถึงสเกลมันไม่ได้ใหญ่ขนาดขโมยดวงจันทร์ แต่เรารู้สึกฉากและสถานการณ์ที่ตัวละครต้องไปเจอมันดูแฟนตาซี เว่อวังดี 555 ซึ่งพอมันเว่อวังอลังการอยู่เหนือเหตุผลก็ยิ่งทำให้เราเอนจอยมากขึ้นไปอีก5555
เราชอบภาคนี้หลายๆอย่างเลยแหละ ทั้งตัวละครหลายตัวที่อยู่ในเรื่องที่ดูดี ดูเด่น คือมีอิมแพคที่ทำให้คนจดจำได้ หรือเนื้อเรื่องที่ถึงแม้ไม่ได้มีอะไรมากแต่ก็สนุก แค่ได้ดูการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครก็แฮปปี้แล้ว เพราะมันไปเรื่อยๆกับหนัง ถึงบทเรื่องแผนการจะไม่ได้ซับซ้อน ไม่ได้ว้าว แต่ก็ดูได้เพลินๆดี ยิ่งในภาคนี้เหล่ามินเนี่ยนยิ่งเด่นขึ้นกว่าเดิมอีก หลายๆคนก็อาจจะคุ้นมินเนี่ยนเวอร์ชั่นม่วงจากเกม (อย่างเช่นเรา) พอไปดูในเรื่องแล้วเอ้อ ดีเหมือนกัน ความคิดที่ใส่เข้ามาเข้าท่าเลย แล้วเอาของที่อยู่ตอนต้นมาแทรกไว้ในเรื่องเรื่อยๆ
สรุปแล้วภาคนี้ยังคงความดีงามและสนุกขึ้นสำหรับเราด้วยซ้ำ ตัวละครมากขึ้นเลยมีการเกลี่ยบทมากขึ้นทำให้หนังมีสีสันเพิ่มขึ้น ตัวละครทุกตัวสมบูรณ์ แบบไม่ได้มาแบบไม่รู้มาทำไมแต่มาเพื่อสร้างสีสันโดยแท้จริง ทำให้โดยรวมหนังเรื่องนี้สำหรับเราเป็นภาคที่สนุก ฉากในเรื่องหลายฉากสวยมาก เพลงนี่ไม่ต้องพูดถึง ดังระเบิดระเบ้อ ตัวละครที่ก็รักเลย สรุปแล้วดีค่ะ

Despicable me 3 มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3
ถ้าไม่เคยดูภาคอื่นมากก่อน จะรู้เรื่องไหม
รู้เรื่องแน่นอนพันล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะว่ามันเป็นหนังที่ไม่ต้องคิดอะไรเวลาดูเลย เพราะว่าเรื่องราวไม่ได้ต่อเนื่องจากภาคก่อนๆ มากนัก เข้าไปดูความน่ารัก ความสดใส แล้วก็เจ้าเด๋อมินเนี่ยน
มินเนี่ยนก็ยังคงเป็น มินเนี่ยน
เหมาะเป็นลูกกระจ๊อกที่สุดในโลกละ ไม่มีอะไรมาแทนที่พวกเธอได้ เป็นกลุ่มตัวละครที่เด๋อมากอ่ะ คือทำทำอะไรก็ดูเด๋อไปหมด ทำหน้าเข้มๆยังเด๋อเล้ยยยย แล้วก็ภาคนี้มีเมลเป็นหัวโจกของเหล่า มินเนี่ยน เป็นตัวการที่ทำให้ต้องไประหกระเหิน จุดที่ชอบที่สุดคือมีช่วงเวลาที่มินเนี่ยนร้องเพลง ถึงจะฟังไม่รู้เรื่องว่าร้องว่าอะไร แต่อินเนอร์ นี่จัดเต็ม ที่รู้ๆ คือพวกเด๋อไม่ได้ร้องแค่บานาน่าแล้วนะฮะ โปรดักส์ชั่น ตอนร้องเพลงนี่ยิ่งใหญ่จริงๆ ใครที่อยากฟังเจ้าตัวเหลืองร้องเพลงละก็ อย่าได้พลาดเป็นอันขาด
บัลธาซาร์ แบรตต์ (Balthazar Bratt)
เป็นวายร้ายที่ชอบอะไรในยุค 80 แล้วก็รักในเสียงเพลงสุดๆ คือเวลาที่จะไปก่อการร้ายไรงี้นางชอบเปิดเพลงละเต้นจ้าา ซึ่งแน่นอนว่าก็เป็นเพลงยุค 80 สำหรับเรา ‘แบรตต์’ เป็นวายร้ายที่เก่งกาจตัวนึงเลย ที่สำคัญ คือ อาวุธอย่างเจ๋ง คือ คิดไม่ถึงโคตรๆ ว่าจะเอาอุปกรณ์แบบนี้มาเป็นอาวุธได้ อย่าง รูบิค หรือ โยโย่ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าของเล่นจะมาทำเป้นอาวุธได้ยังไง
สาวน้อย 3 คนที่ทำให้แอนิเมชั่นเรื่องนี้สดใสยิ่งขึ้น
เรื่องนี้ถ้าขนาดเด็กน้อย 3 คนนี้ไปคงเหงาแย่ ภาคนี้ก็ยังทำให้เราหลงรักตัวละครได้เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะมีคาแรคเตอร์ที่ต่างกัน แต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก โดยเฉพาะ แอ็คเนส โอ้ยยย หนูลูก น่ารักมาก อยากได้มาเป็นลูก ฮืออออ มีการตามหายูนิคอร์นด้วยนะ แต่จะเจอไหม ก็ไม่รู้สินะ
สรุป Despicable me 3 มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3
เอาไปเลย 9/10 คะแนน
เป็นหนังที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยมาก สร้างความสนุกและเสียงหัวเราะตลอดทั้งเรื่องจริงๆ
ชอบอุปกรณ์ทุกอย่างในเรื่อง ไอเดียดีมาก สามารถดึงสิ่งของเล็กๆน้อยๆ มาใช้ได้อย่างที่เรานึกไม่ถึง
ดำเนินเรื่องรวดเร็ว ตลอดเวลา 90 นาที คือไม่เบื่อเลย มุกตลกก็ใส่มาได้ตรงจังหวะ แบบขำทุกมุกอ่ะ
ไปดูเถอะค่ะ เป็นหนังที่ไม่มีพิษมีภัยเลย ขำไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที อ้าวจบแล้ว ดูจนลืมเวลาจริงๆ ดูหนังออนไลน์